วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

แบบทดสอบบทที่ ๑


แนวข้อสอบวิชาพระสุตตันตปิฎก
บทที่ ๑



๑. คำเรียกพระไตรปิฎกยุคต้น (สมัยพุทธกาล_พ.ศ. ๑) มีกี่อย่าง อะไรบ้าง
     ก. ๒ อย่าง คือ พรหมจรรย์ ศาสนะ
     ข. ๓ อย่าง คือ พรหมจรรย์  ศาสนะ นวังคสัตถุศาสน์
     ค. ๔ อย่าง คือ พรหมจรรย์  ศาสนะ นวังคสัตถุศาสน์ ปาพจน์
     ง. ๕ อย่าง คือ พรหมจรรย์  ศาสนะ นวังคสัตถุศาสน์ ปาพจน์ ธรรมวินัย
    
๒.​ คำเรียกพระไตรปิฎกว่า “พรหมจรรย์” ปรากฏตอนไหน
     ก. ตอนส่งพระสาวกไปประกาศพระศาสนาครั้งแรก
     ข. ตอนทรงประทานโอวาทปาฏิโมกข์
     ค. ตอนแสดงนวังคสัตถุศาสน์
     ง. ตอนแสดงธรรมโปรดชฎิล ๓ พี่น้อง
๓. ต่อไปนี้ ข้อไหนไม่ตรงกับโอวาทปาฏิโมกข์
     ก. การไม่ทำบาปทั้งปวง
     ข. การไม่พูดเท็จ
     ค. การไม่ทำร้าย
     ง. การไม่พูดร้าย
๔. คำว่า “เคยยะ” คือคำสอนประเภทใด
     ก. คำสอนที่เป็นร้อยแก้ว
     ข. คำสอนที่เป็นร้อยกรอง
     ค. คำสอนที่เป็นร้อยแก้วผสมกับร้อยกรอง
     ง. คำสอนที่เป็นความเรียงแสดงหรือบรรยายข้อธรรม
๕. คำว่า “เวทัลละ” คือคำสอนประเภทใด
     ก. คำสอนที่แสดงเรื่องที่น่าอัศจรรย์
     ข. คำสอนที่แสดงคำถาม _ตอบ
     ค. คำสอนที่มีการกล่าวอ้างข้อความอื่นมาประกอบ
     ง. คำสอนที่เล่าเรื่องในอดีต
๖. การสืบต่อพระธรรมวินัยด้วยการท่องจำสืบต่อกันมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เรียกว่า อะไร
     ก. เถราวาทปรัมปรา
     ข. อาจริยาปรัมปรา
     ค. อาจริยวาท
     ง. เถรวาท
๗. พระเถระที่จัดเสนาสนะไว้ให้ภิกษุพวกเดียวกันให้อยู่ด้วยกันชื่อว่าอย่างไร
     ก. พระโสณกุฏิกัณณะ
     ข. พระทัพพมัลลบุตร
     ค. พระมหากัจจายนะ
     ง. พระอุบาลีเถระ
๘.​ พระเถระรูปใดสวดเป็นทำนองสรภัญญะถวายพระพุทธเจ้า
     ก. พระโสณกุฏิกัณณะ
     ข. พระทัพพมัลลบุตร
     ค. พระมหากัจจายนะ
     ง. พระอุบาลีเถระ
๙.​ การสังคายนา ใครเป็นผู้วางหลักการไว้ก่อน
     ก. พระพุทธเจ้า
     ข. พระสารีบุตร
     ค. พระอุบาลี
     ง. พระจุนทะ
๑๐.​การสังคายนาพระธรรมวินัย ปรารภใครเป็นเหตุ
     ก. พระจุนทะ
     ข. พระอานนท์
     ค. ศาสดามหาวีระ
     ง. ศาสดาอารกะ
๑๑. ช่วงที่มีการปรารภการสังคายนา พระพุทธองค์ประทับอยู่ที่ไหน
     ก. กรุงสาวัตถี
     ข. กรุงราชคฤห์
     ค. กรุงกบิลพัสดุ์
     ง. หมู่บ้านสามคาม แคว้นสักกะ
๑๒. ข้อใดต่อไปนี้ตรงกับหลักการสังคายนา
     ก. พร้อมเพรียงกันประชุม
     ข. สอบทานอรรถกับอรรถ
     ค. สอบทานพยัญชนะกับพยัญชนะ
     ง. ถูกทุกข้อ
๑๓. ธรรมที่ควรสังคายนามีหมวดไหนบ้าง
     ก. สติปัฏฐาน ๔
     ข. อินทรีย์ ๕
     ค. พละ ๕
     ง. โพธิปักขิยธรรม ๓๗ ประการ
๑๔.  ๑. ทีฆนิกาย จัดเป็นกี่วรรค อะไรบ้าง
     ก. ๒ วรรค คือ สีลขันธวรรค และ มหาวรรค
     ข. ๓ วรรค คือ สีลขันธวรรค มหาวรรค ปาฏิกวรรค
     ค. ๓ วรรค คือ มูลวรรค มหาวรรค อุปริปัณณวรรค
     ง. ๓ วรรค คือ สีลขันธวรรค มหาวรรค มูลวรรค
    
 ๑๕.​ ทีฆนิกายมีพระสูตรทั้งหมดกี่สูตร
     ก. ๓๑ สูตร
     ข. ๓๒ สูตร
     ค. ๓๓ สูตร
     ง. ๓๔ สูตร
๑๖. พรหมชาลสูตร พระพุทธเจ้าตรัสขณะประทับอยู่ที่ไหน 
     ก. ที่กรุงราชคฤห์
     ข. ที่เมืองนาลันทา
     ค. ที่กรุงสาวัตถี
     ง. ระหว่างกรุงราชคฤห์กับเมืองนาลันทา
๑๗. พระสูตรนี้ปรารถใคร
     ก.สุปปิยปริพาชก
     ข. พรหมทัตมาณพ
     ค. หมู่ภิกษุ
     ง. สุปปิยปริพพาชกและพรหมทัตมาณพ
๑๘. ใครติเตียนพระรัตนตรัย
     ก.สุปปิยปริพาชก
     ข. พรหมทัตมาณพ
     ค. หมู่ภิกษุ
     ง. สุปปิยปริพพาชกและพรหมทัตมาณพ
๑๙. เมื่อมีคนติเตียนพระรัตนตรัย พระพุทธองค์ทรงแนะนำอย่างไร
     ก. ให้ติเตียนตอบ
     ข. ให้พิจารณาว่าเป็นจริงหรือไม่
     ค. ให้โกรธตอบ
     ง. ให้ยอมรับ
๒๑. ศีล ในพรหมชาลสูตรมีกี่ระดับ อะไรบ้าง
     ก. ๓ ระดับ คือ ศีล ๕ ศีล ๘ ศีล ๑๐
     ข. ๓ ระดับ คือ จุลศีล มัชฌิศีล มหาศีล
     ค. ๓ ระดับ คือ ศีลขนาดสั้น ขนาดกลาง ขนาดยาว
     ง. ๓ ระดับ คือ ศีลภิกษุ ศีลภิกษุณี ศีลสามเณร
๒๒.​ เว้นจากการพรากพืชคามและภูตคาม จัดอยู่ในศีลประเภทใด
     ก. จุลศีล
     ข. มัชฌิมศีล
     ค. มหาศีล
     ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
๒๓.​ เว้นขาดจากเดรัจฉานกถา จัดอยู่ในศีลประเภทใด
     ก. จุลศีล
     ข. มัชฌิมศีล
     ค. มหาศีล
     ง. มัชฌิมศีลและมหาศีล
๒๔.​ข้อใดต่อไปนี้จัดเป็นเดรัจฉานวิชา
     ก. ทำนายอวัยวะ ทำนายโชคลาง
     ข. ทำนายลักษณะแก้วมณี ลักษณะผ้า
     ค.ดูฤกษ์ยาตราทัพของพระราชา
     ง. ทุกข้อถูกหมด
๒๕. ลัทธิ ๖๒ สามารถจัดเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้กี่กลุ่ม อะไรบ้าง
     ก. ๒ กลุ่ม คือ ปุพพันตกัปปิกวาท และ อปรันตกัปปิกวาท
     ข. ๒ กลุ่ม คือ สัสสตวาท และเอกัจจสัสสตวาท
     ค. ๒ ๒ กลุ่ม คือ อันตานันติกวาท และ อมราวิกเขปิกวาท
     ง. ๒ กลุ่ม คือ อุจเฉทวาท และทิฏฐธัมมนิพพานวาท
๒๖. ลัทธิปุพพันตกัปปิกวาท (ลัทธิที่กำหนดขันธ์ส่วนอดีต) มีความเห็นอย่างไรบ้าง
     ก. เห็นว่าเที่ยง
     ข. เห็นว่าเที่ยงเป็นบางอย่าง
     ค. เห็นว่ามีที่สุดและไม่มีที่สุด
     ง. ถูกทุกข้อ



๒๐. มัชฌิมนิกาย มีพระสูตรเท่าไหร่
    
     ก. ๕๐ สูตร               ข. ๑๐๐ สูตร
     ค. ๑๕๐ สูตร              ง.​ ๑๕๒ สูตร
๒. มัชฌิมนิกาย แบ่งเป็นกี่ปัณณาสก์ อะไรบ้าง
     ก. ๑ ปัณณาสก์ คือ มูลปัณณาสก์
     ข. ๒ ปัณณาสก์ คือ มูลปัณณาสก์ และมัชฌิมปัณณาสก์
     ค. ๓ ปัณณาสก์ คือ มูลปัณณาสก์ มัชฌิมปัณณาสก์ และอุปริปัณณาสก์
     ง. ๓ ปัณณาสก์ คือ มูลปัณณาสก์  มัชฌิมปัณณาสก์ อปัณณกปัณณาสก์
๓. แต่ละปัณณาสก์แบ่งออกเป็นกี่วรรค
     ก. ๒ วรรค                ข. ๓ วรรค
     ค. ๔ วรรค                ง. ๕ วรรค
๔. แต่ละวรรค มีหลักการตั้งชื่อวรรคอย่างไร
     ก. ตั้งตามลักษณะเนื้อหาของพระสูตรในวรรคนั้นๆ
     ข. ตั้งตามชื่อของพระสูตรแรกในวรรค
     ค. ตั้งตามความยาวของพระสูตร
     ง. ถูกทั้ง ข้อ ก. และ ข
๕. ในมูลปัณณาสก์มีวรรคอะไรบ้าง
     ก. มูลปริยายวรรค สีหนาทวรรค
     ข. โอปัมมวรรค มหายมกวรรค
     ค. จูฬยมกวรรค
     ง.​ถูกทั้งทุกข้อ
๖. คหปติวรรค ภิกขุวรรค ปริพาชกวรรค ราชวรรค และพราหมณวรรค อยู่ในปัณณาสก์อะไร
     ก. มัชฌิมปัณณาสก์
     ข. อุปริปัณณาสก์
     ค. อปัณณกปัณณาสก์
     ง. ข้อ ก ถูก
๗. อลคัททูปมสูตร แสดงเกี่ยวกับเรื่องอะไร
     ก. การศึกษาปริยัติธรรม
     ข. การปฏิบัติตามปริยัติธรรม
     ค. การแสดงข้อเปรียบเทียบด้วยงูพิษ
     ง. การแสดงเกี่ยวกับปริยัติสัทธรรม ๓ ระดับ
๘. ในอลคัททูปมสูตร พระอริฏฐะ กล่าวตู่พระพุทธเจ้าว่าอย่างไร
     ก. กล่าวตู่ว่า ธรรมที่พระองค์ตรัสว่าเป็นอันตราย ไม่เป็นอันตราย
     ข. กล่าวตู่ว่า ผู้ส้องเสพธรรมที่เป็นอันตรายไม่เป็นอันตราย
     ค. กล่าวตู่ว่า เขารู้ทั่วถึงธรรมที่พระองค์ตรัสไว้ทุกอย่าง
     ง. ถูกทั้งข้อ ก และ ข
๙. ในพระสูตรนี้พระพุทธเจ้าทรงเปรียบกามเหมือนอะไรบ้าง
     ก. เหมือนคบหญ้า
     ข. เหมือนถ่านเพลิง
     ค. เหมือนความฝัน
     ง. ถูกทุกข้อ
๑๐. ในพระสูตรนี้พระองค์ทรงแสดงบุคคลศึกษานวังคสัตถุศาสน์ไว้กี่ประเภท อะไรบ้าง
     ก. ๑ ประเภท คือ เรียน แต่ไม่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรม
     ข. ๑ ประเภท คือ เรียนแต่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรม
     ค. ๒ ประเภท คือ เรียนแต่ไม่พิจารณา และเรียนแต่พิจารณาเนื้อความแห่งธรรม
     ง. ข้อ ค ถูก
๑๑. อรรถกถาจารย์แบ่งประเภทของผู้ศึกษาไว้กี่ประเภท อะไรบ้าง
     ก. ๑ ประเภท คือ อลคัททูปมปริยัติ
     ข. ๒ ประเภท คือ อลคัททูปมปริยัติ นิสสรณัตถปริยัติ
     ค. ๓ ประเภท คือ อลคัททูปมปริยัติ นิสสรณัตถปริยัติ และภัณฑาคาริกปรัยัติ
     ง. ข้อ ค ถูก
๑๒. ภัณฑาคาริกปริยัติ คือ การศึกษาของบุคคลประเภทใด
     ก. ผู้เรียนเพื่อมุ่งลาภสักการะ
     ข. ผู้เรียนเพื่อมู่งความหลุดพ้น
     ค. ผู้เรียนเพื่อรักษาแบบแผน ประเพณี
     ง. ผู้เรียนเอาไว้โต้เถียงกับคนอื่น



5 ความคิดเห็น:

  1. ไม่เฉลยครับ เพราะทำให้เป็นแบบฝึกหัดของนิสิต
    ขอบคุณ ที่เข้ามาอ่าน

    ตอบลบ
  2. ทางทีมงานได้โปรดทำเฉลยให้หน่อยนะ อีกไม่กี่วันก็จะสอบแล้วครับ ปวดหัวกับวิชานี้มาก

    ตอบลบ